
“The Message” จาก Grandmaster Flash and the Furious Five ถือเป็นหนึ่งในเพลงที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของดนตรีฮิปฮอพและแร็พ “The Message” ไม่ใช่แค่เพลงแร็พธรรมดาๆ แต่เป็นเพลงที่เปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับแนวเพลงนี้ โดยผสานเนื้อหาที่ลึกซึ้งและมีน้ำหนักเข้ากับจังหวะดนตรีแบบฮิปฮอพ
ก่อนจะมาถึง “The Message”, แนวเพลงฮิปฮอพในช่วงยุค 70s มักเน้นไปที่การโชว์ความสามารถในการแร็พ, การเล่นคำ และดนตรีที่มีจังหวะสนุกสนาน เพื่อสร้างความบันเทิงบน sàn đấuระหว่างดีเจต่างๆ “The Message” ได้มาเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
เพลงนี้ถือกำเนิดขึ้นในยุคที่เขตบรอนซ์ (Bronx) ในนิวยอร์กกำลังเผชิญกับปัญหาสังคมที่รุนแรง เช่น อัตราการว่างงานสูง, ยาเสพติด, และความรุนแรง Grandmaster Flash and the Furious Five ซึ่งเป็นกลุ่มศิลปินจากเขตบรอนซ์ ได้นำเอาประสบการณ์เหล่านี้มาถ่ายทอดลงใน “The Message”
เนื้อเพลงของ “The Message” เล่าถึงชีวิตของคนในชุมชนที่ถูกละเลย โดยโฟกัสไปที่ความยากจน, ความรุนแรง และปัญหาสังคมต่างๆ ในขณะที่ดนตรีที่ประกอบด้วยจังหวะฮิปฮอพแบบดั้งเดิม เสียง Scratching จาก turntable ของ Grandmaster Flash และเสียง Synthesizer
“The Message” ได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมจากแฟนเพลง และกลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ท เพลงนี้ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงที่มีอิทธิพลต่อดนตรีฮิปฮอพและแร็พอย่างมาก
Grandmaster Flash and the Furious Five เป็นกลุ่มศิลปินที่ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน:
-
Grandmaster Flash: ดีเจ และโปรดิวเซอร์
-
Melle Mel: แร็ปเปอร์หลัก
-
Scorpio: MC (Master of Ceremonies)
-
Kid Creole: แร็ปเปอร์
-
Rahiem: แร็ปเปอร์
กลุ่มนี้ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1970s และเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความสามารถในการแร็พ, เทคนิค Scratching ของ Grandmaster Flash และดนตรีที่มีความโดดเด่น
“The Message” : การต่อสู้ของชีวิตในเมืองใหญ่
เนื้อเพลงของ “The Message” สื่อถึงความยากลำบากและความอยุติธรรมที่คนในชุมชน Bronx ต้องเผชิญ Melle Mel, แร็ปเปอร์หลักของกลุ่ม ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความยากจน, การยาเสพติด, และความรุนแรง
เนื้อเพลงยังได้โจมตีปัญหาสังคมและระบบที่ไม่เป็นธรรม เช่น:
- “Broken glass everywhere People pissing on the stairs, you know they just don’t care” (กระจกแตกกระจายไปทั่ว พวกมันปล่อยปัสสาวะบนบันได ใครจะแยแสกัน)
เนื้อเพลงแสดงให้เห็นถึงความสกปรกและการละเลยในชุมชน Bronx
- “I can tell it’s a real rough world, where I live” (ฉันรู้ว่าโลกนี้มันโหดร้ายจริงๆ โดยเฉพาะที่ฉันอาศัยอยู่) เนื้อเพลงนี้สะท้อนถึงความยากลำบากและความหวาดกลัวที่คนในชุมชน Bronx ต้องเผชิญ
“The Message” : การจุดประกายแนวเพลง Conscious Hip-Hop
“The Message” ถือเป็นหนึ่งในเพลงแรกๆ ที่นำเสนอเนื้อหาที่มีความหมายทางสังคม และการเมือง เพลงนี้ได้จุดประกายแนวเพลง “Conscious Hip-Hop” ซึ่งเน้นไปที่การใช้ดนตรีฮิปฮอพและแร็พเป็นเครื่องมือในการวิจารณ์ปัญหาสังคม และการสร้างความตระหนัก
เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจให้ศิลปินฮิปฮอพรุ่นต่อๆ มา เช่น Public Enemy, A Tribe Called Quest และ Tupac Shakur ใช้เนื้อหาของพวกเขานำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความอยุติธรรม, การเลือกปฏิบัติและการต่อสู้เพื่อสิทธิของคนผิวดำ
“The Message” ไม่ใช่แค่เพลงฮิปฮอพธรรมดาๆ แต่เป็นเพลงที่ได้จุดประกายการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และดนตรี เพลงนี้ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากต่อศิลปินฮิปฮอพและแร็พในปัจจุบัน
“The Message”: สร้างความตระหนักถึงปัญหาสังคม
เพลง “The Message” ไม่ได้เพียงแค่เป็นงานเพลงที่สนุก แต่ยังมีเนื้อหาเชิงวิพากษ์
-
การทำลายล้างของยาเสพติด: เนื้อเพลงได้กล่าวถึงวิธีที่ยาเสพติดได้ทำลายชีวิตของคนในชุมชน
-
ความรุนแรงและอาชญากรรม: เพลงนี้แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงและอาชญากรรมที่เป็นปัญหาเรื้อรังใน Bronx
-
ความยากจน: “The Message” ได้กล่าวถึงความยากจนและการขาดโอกาสของคนในชุมชน
เพลงนี้ได้สร้างความตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ และช่วยให้ผู้คนเข้าใจถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในชุมชน Bronx
มรดกของ “The Message” : การจารึกตำนานฮิปฮอพ
“The Message” ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเพลงฮิปฮอพที่ดีที่สุดตลอดกาล เพลงนี้ได้เปลี่ยนแปลงแนวเพลงฮิปฮอพ และเปิดทางให้ศิลปินฮิปฮอพรุ่นหลังๆ นำเสนอเนื้อหาที่มีความหมายและเชิงวิพากษ์
เพลงนี้ยังคงได้รับการเล่นตามสถานีวิทยุและงานเทศกาลดนตรีต่างๆ ทั่วโลก
“The Message” เป็นเพลงที่ยืนหยัด test of time และเป็นตัวอย่างของศักยภาพของดนตรีฮิปฮอพในการสร้างความตระหนัก, สร้างแรงบันดาลใจ และกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง